ลูกล้มหัวฟาดพื้น หนึ่งในอุบัติเหตุภายในบ้านที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ด้วยความซุกซนของเด็กๆ ที่ชอบวิ่งไปวิ่งมาและเกิดหกล้มได้บ่อยครั้ง แต่การล้มหัวฟาดพื้นของลูกน้อยอาจร้ายแรงกว่าที่คุณคิด แม้จะไม่ปรากฏบาดแผลภายนอก แต่อาจเป็นอันตรายต่อสมองและพัฒนาการของเด็กๆ ได้
บทความนี้ Biopox จะพาคุณมาสังเกตอาการของลูกน้อยเมื่อล้มหัวกระแทกพื้น ความผิดปกติที่อาจเป็นอันตราย วิธีการรับมือ รวมถึงวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น!
อุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้น อันตรายต่อสมองของลูกน้อย
ด้วยช่วงอายุที่มีการวิ่งเล่นซุกซนของเด็กๆ แต่ร่างกายที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ อาจมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม ซึ่งในบางครั้งอาจเป็นการล้มแบบหัวกระแทกพื้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสมองของเด็กๆ
โดยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการล้มหัวฟาดพื้น เช่น
อาการ Cognitive Fatigue เป็นอาการหลังสมองได้รับบาดเจ็บ ทำให้จำเป็นต้องทำงานหนัก เกิดความเหนื่อยล้า ล่าช้า และส่งผลกระทบต่อกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การอ่าน การเขียน การดูโทรทัศน์ หรือการเล่นคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอาการที่สามารถหายได้เองหากพักผ่อนอย่างเพียงพอ
อาการ Concussion Syndrome อีกหนึ่งอาการหลังได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ชั่วคราว ซึ่งโดยปกติสามารถอาจหายได้เองหลัง 6 สัปดาห์ โดยมีอาการต่างๆ เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลง ไม่เป็นตัวของตัวเอง นอนหลับไม่สนิทปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และมองเห็นผิดปกติ
เมื่อลูกน้อยล้มหัวฟาดพื้น ควรทำอย่างไร!
เมื่อเกิดอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้น สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำก็คือ ตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก สังเกตอาการของลูกโดยละเอียดเพื่อประเมินอาการ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ดีมากที่สุด
โดยสิ่งที่ Biopox จะแนะนำให้คุณทำ มีดังนี้ครับ
สำรวจบาดแผล ความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
การสำรวจบาดแผล คือสิ่งแรกที่ผู้ปกครองควรทำหลังเกิดเหตุ โดยแนะนำให้เริ่มสำรวจรอบๆ บริเวณที่โดนกระแทกว่าเป็นอย่างไร มีอาการฟกช้ำ บวม หรือบาดแผลเปิดหรือไม่ หากมีอาการรุนแรงเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อวินิจฉัย และทำการเอกซเรย์เพื่อดูว่าอันตรายต่อสมองหรือไม่
สังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงแรก
หากลื่นล้มและไม่มีบาดแผล แต่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ แนะนำให้ผู้ปกครองสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด เพราะอุบัติเหตุเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสมองได้ แม้จะไม่มีบาดแผลภายนอก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสมองอาจส่งผลเสียได้มากมาย
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ หากลูกๆ มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น แนะนำว่าให้ทำการพบแพทย์ทันที
ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
หมดสติ
ง่วงซึมผิดปกติ นอนทั้งวัน
ชัก เกร็ง กระตุก
คลื่นไส้ อาเจียนบาดแผลมีเลือดไหลไม่หยุด
ตามัว มองเห็นภาพซ้อน
ไม่สามารถทรงตัวได้
อารมณ์แปรปรวน
ทนต่อสิ่งเร้าไม่ได้
บาดแผลบวม แดง อักเสบ
ร่างกายอ่อนแรง ชา
มีปัญหาด้านการได้ยิน
มีปัญหาด้านความจำ
มีปัญหาด้านการสื่อสาร
หากว่าไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แนะนำว่าให้ทำการสังเกตอีกอย่างน้อยเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ
ห้ามให้เด็กๆ ทานยาเด็ดขาด !
การทายารักษาแผลหรือลดอาการบวมหลังลูกล้มหัวฟาดพื้น สามารถทำได้เพื่อป้องกันแผลอักเสบและช่วยให้แผลหายรวดเร็วมากขึ้น แต่ผู้ปกครองไม่ควรให้ลูกรับประทานยาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ หรือยาใดๆ ก็ตาม
เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้สัญญาณเตือนความผิดปกติหายไป ไม่สามารถทราบได้ว่าเด็กๆ มีการอาการอย่างไรบ้าง ซึ่งหากมีอาการอันตรายเกิดขึ้นแต่ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ อาจทำให้การรักษาจากแพทย์ช้าลงได้
ติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อรับการช่วยเหลือ
หากลูกน้อยบาดเจ็บรุนแรง ตกจากที่สูง หรือหมดสติ แนะนำว่าผู้ปกครองไม่ควรทำการเคลื่อนย้ายเด็กๆ ด้วยตัวเอง แนะนำให้ทำการติดต่อเบอร์ฉุกเฉิน 1669 เพื่อการขนย้ายผู้บาดเจ็บไปเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง
แนะนำวิธีจัดบ้านป้องกันอันตรายจากการลื่นล้มหัวฟาด
การป้องกันอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรทำมากที่สุด เพราะเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวอาจมีความรุนแรง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และทำให้เด็กๆ ไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่าที่ควรเป็น และนี่คือวิธีการจัดบ้านง่ายๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้น
เก็บข้าวของให้เป็นที่ ไม่เกะกะ
สิ่งของบางชิ้นที่เราใช้งานกันเป็นประจำ เช่น น้ำยาทำความสะอาด สเปรย์ดับกลิ่น อุปกรณ์ครัว หรือภาชนะใส่อาหาร อาจเป็นอันตรายต่อเด็กๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง ดังนั้นคุณจึงไม่ควรวางสิ่งของเหล่านี้ไว้ภายนอก รวมไปถึงไม่ควรวางของต่างๆ บนพื้นบ้าน เพราะเมื่อเด็กๆ วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน พวกเขาไม่ทันได้สังเกตและระมัดระวังตนเองจนสะดุดลื่นล้มลง สิ่งที่คุณควรทำมากที่สุดคือ การเก็บของให้เป็นที่ลงในกล่องหรือชั้นที่มิดชิดมากที่สุด มิเช่นนั้นเด็กๆ อาจเปิด เล่น และเกิดอันตรายได้นั่นเอง
ป้องกันเด็กๆ ไม่ให้เล่นบริเวณพื้นต่างระดับ หรือบันได
พื้นต่างระดับ เช่น บันได พื้นยกระดับ หรืออิฐล็อก คือพื้นที่อันตรายที่อาจเกิดอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้นได้ง่ายกว่าบริเวณอื่นๆ ดังนั้นคุณจึงควรติดตั้งรั้วกั้นบันได ปูพรม และคอยระมัดระวังสังเกตพวกเขาตลอดเวลา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเด็กๆ หกล้ม ลื่นล้ม ตกบันได
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัย
เฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง หรือเกิดบาดแผล เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมมุม ผลิตจากวัสดุที่มีความนุ่มเพื่อลดแรงกระแทก และควรเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา เพื่อป้องกันอันตรายจากเฟอร์นิเจอร์ล้มทับเด็ก ๆ
เลือกใช้รองเต้าแตะภายในบ้าน หรือถุงเท้าที่มียางกันลื่นที่พื้น
การสวมใส่รองเท้าภายในบ้านหรือถุงเท้าที่มียางกันลื่น จะช่วยลดโอกาสการลื่นล้มขณะวิ่งเล่นได้เป็นอย่างดี เพราะวัสดุเหล่านี้มีคุณสมบัติในการสร้างแรงเสียดทานค่อนข้างดี ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่า เด็กๆ จะไม่ลื่นล้มระหว่างการเดิน วิ่ง หรือเล่นสนุกอย่างแน่นอน
ทาน้ำยากันลื่น ลดโอกาสการลื่นล้ม
ถ้าพื้นบ้านของคุณเป็นกระเบื้อง พื้นไม้เคลือบแลคเกอร์ หรือพื้นผิวที่มีความลื่น เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้น้ำยากันลื่น เพื่อแก้ปัญหากระเบื้องลื่นซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ลูกล้มหัวฟาดพื้น เพราะน้ำยาเหล่านี้มักมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความหยาบกร้านให้พื้นผิวกระเบื้อง และคุณควรเลือกน้ำยากันลื่นที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะจะสามารถมั่นใจได้ทั้งคุณภาพและความปลอดภัยต่อเด็กๆ
เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกของคุณด้วยน้ำยากันลื่น Biopox
บ้านที่มีสมาชิกช่วงวัยเด็กและผู้สูงอายุ อาจเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ง่ายกว่าครอบครัวอื่น เพราะพวกเขาคือช่วงอายุที่ไม่สามารถทรงตัวได้ดีเท่าวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ดังนั้นเราจึงควรป้องกันก่อนอุบัติเหตุลูกล้มหัวฟาดพื้น โดยใช้วิธีการต่างๆ ทั้งการติดตั้งราวบันได ไม้กั้น จมูกบันได จัดบ้านให้เรียบร้อย หรือทาน้ำยากันลื่น เพื่อเพิ่ม ความปลอดภัยในบ้าน
น้ำยากันลื่น Biopox จะช่วยให้อุบัติเหตุภายในบ้านของคุณลดน้อยลง เพราะผลิตภัณฑ์ของเราถูกผลิตขึ้นจากเทคโนโลยีเม็ดทรายใส ที่จะทำให้พื้นบ้านของคุณมีความหยาบกร้าน เพิ่มค่ากันลื่น โดยที่สีพื้นไม่เปลี่ยนไปจากเดิม และยังเป็นสินค้าที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งช่าง
หากสนใจผลิตภัณฑ์น้ำยากันลื่น Biopox สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>> https://www.Biopox.co.th/